ข้าวหอมปทุม

ข้าวหอมปทุมหรือปทุมธานี1 ข้าวหอมพันธุ์ใหม่ของไทย ที่มีความหอม นุ่มคล้ายข้าวหอมมะลิ โดยเฉพาะเมื่อเป็นข้าวใหม่ต้นฤดู จะหอม เป็นพิเศษ สามารถปลูกได้ในพื้นที่ชลประทานทั่วไป เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของผู้ชอบทานข้าวหอมนุ่ม คุ้มราคา

รายละเอียด

• ข้าวพันธุ์ปทุมธานี 1 ได้มากจากการผสมพันธุ์ระหว่าง สายพันธุ์ข้าว BKNA6-183-2 (พันธุ์แม่) กับสายพันธุ์ PTT8506-3-21 ที่ศูนย์วิจัยข้าวปทุมธานี เมือฤดูนาปรัง ปี 2553
  
• พ.ศ.2533-2540 เปรียบเทียบผลผลิตในสถานีและระหว่างสถานี
  
• พ.ศ.2539-2540 วิเคราะห์คุณภาพทางกายภาพและเคมี ทดสอบความต้านทานโรคแมลง ศัตรูที่สำคัญ
  
• พ.ศ.2540-2541 เปรียบเทียบคุณผลผลิตในนาราษฎร ทดสอบเสถียรภาพการให้ผลผลิต
  
• พ.ศ.2541-2542 ขยายพันธุ์เป็นพันธุ์หลัก
  
• กรมวิชาการเกษตร พิจารณาให้เป็นพันธุ์รับรอง โดยให้ชื่อ “ข้าวพันธุ์ปทุมธานี 1”
  

ลักษณะเด่นของข้าวพันธุ์ปทุมธานี 1 คือ
เป็นข้าวเจ้าหอมที่ไม่ไวต่อช่วงแสง สามารถที่จะนำเอาไปปลูกได้ตลอดทั้งปี คุณภาพของเมล็ดคล้ายพันธุ์ข้าวขาวดอกมะลิ 105 เมื่อเวลาข้าวสุกจะนุ่มเหนียว และมีกลิ่นที่หอมมาก สามารถต้านเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลได้  สามารถต้านเพลี้ยกระโดดหลังขาวได้ สามารถต้านโรคไหม้ สามารถต้านโรคขอบใบแห้ง ให้ผลผลิตเฉลี่ย 650-774 กิโลกรัมต่อไร่

ลักษณะประจำพันธุ์ของ ข้าวพันธุ์ปทุมธานี 1 คือ
เป็นข้าวเจ้าหอมไม่ไวต่อช่วงแสง ปลูกได้ทั้งฤดูนาปีและนาปลัง อายุของการเก็บเกี่ยวนาดำ 113-126 วัน นาหว่านน้ำตม 104-114 วัน ต้นสูงประมาณ 104-133 เซนติเมตร ทรงกอตั้ง ใบสีเขียวมีขน ใบแก่ช้า กาบใบและปล้องสีเขียว ใบธงยาว ตั้งตรงปานกลาง  คอรวงสั้น รวงอยู่ใต้ใบธง  เปลือกเมล็ดสีฟาง มีขน มีหาง กลีบรองดอกสีฟาง เมล็ดเปลือกข้าวเฉลี่ยยาว 10.52 มิลลิเมตร กว้าง 2.47 มิลลิเมตร และหลา 1.95 มิลลิเมตร เมล็ดข้าวกล้อง เฉลี่ยยาว 7.6 มิลลิเมตร กว้าง 2.17 มิลลิเมตร และหนา 1.72 มิลลิเมตร ระยะพักตัวของเมล็ด3-4 สัปดาห์

ข้อควรระวัง คือ

1. ข้าวพันธุ์ปทุมธานี 1ค่อนข้างไม่ต้านทานเพลี้ยจักจั่นสีเขียว โรคใบหงิก และโรคใบสีส้ม
   
2. ไม่ควรใช้ปุ๋ยในอัตราสูงมากจนเกินไป โดยเฉพาะปุ๋ยไนโตรเจน ถ้าใส่มากเกินไปอาจจะทำให้ ฟางอ่อน ต้นข้าวล้มและผลิตลดลงได้